วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บันทึกเหตุการณ์อุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์’2554


อุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์’2554



สวนสันติชัยปราการน้ำเอ่อท่วมขึ้นมา
หลายปีมาแล้วตั้งแต่ปีพ.ศ.2485และ.พ.ศ.2538ที่น้ำท่วมประเทศไทยครั้งใหญ่ แต่ก็ไม่เท่าปีพ.ศ.2554ที่เป็น"วิกฤตมหาอุทกภัย"อีกครั้งหนึ่งที่ใหญ่มากมีมวลน้ำจำนวนมากที่เกิดจากพายุมรสุมหลายลูกที่พัดเข้ามาในประเทศไทยซึ่งเหตุนี้ทำให้เกิดฝนตกเพิ่มขึ้นและทำให้เขื่อนภูมิพล จ.ตากที่กักเก็บน้ำไว้เกินอัตราต้องปล่อยน้ำออกมาพร้อมๆกันน้ำท่วมครั้งนี้เกิดตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม โดยมีปริมาณน้ำประมาณ 16,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลลงมาจากแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน มารวมที่ปากน้ำโพจ.นครสวรรค์ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่เกิดน้ำท่วมขึ้น หลังจากนั้นน้ำได้ไหลหลากลงมาผ่านจ.ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, อุทัยธานี, ลพบุรี, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, นนทบุรี จนเข้ามาถึง"กรุงเทพ" และน้ำบางส่วนจะแยกไหลไปทาง(ฝั่งตะวันตกจ.นครปฐม, สุพรรณบุรี และสมุทรสาครเพื่อลงอ่าวไทย ส่วนน้ำอีกส่วนหนึ่งจะไหลจาก จ.ปทุมธานีไปทาง(ฝั่งตะวันออกจ.ฉะเชิงเทรา และไหลลงแม่น้ำท่าจีนไปสู่อ่าวไทยเช่นกัน



               

ผู้คนทำที่กั้นน้ำทั้งปูนและกระสอบทรายแถมยังมีวาดรูปแก้เครียดอีกด้วย!         

ผู้คนนำรถมาจอดบนสะพานรัตน์สถาน

 เพราะเหตุนี้ด้วยมวลน้ำจำนวนมากทำให้นายกรัฐมนตรีต้องบริหารดำเนินการทำพังกั้นน้ำเพื่อกั้นไม่ให้น้ำเข้าสถานที่สำคัญและเขตเศรษฐกิจของจังหวัดต่างๆ รวมทั้งจ.กรุงเทพฯที่เป็นเมืองหลวงที่สำคัญแห่งหนึ่งแต่ตอนนี้น้ำก็ได้เข้าท่วมกรุงเทพฯบางแห่งแล้ว ซึ่งบางที่ในต่างจังหวัดน้ำได้ท่วมเข้าถึงบ้านของผู้คนสูงมากถึง 3เมตร(บริเวณที่ลุ่ม) ทำให้คนไทยจำนวนมากเดือดร้อนกันเป็นยกใหญ่ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย อาหารการกินจนเกิดการตุนอาหารทำให้สินค้าขาดตลาด ยารักษาโรค สัตว์ร้ายต่างๆ ไฟฟ้าช็อตและน้ำเน่าเสียจนมีการใช้ "EM BALL"ที่มีคนบอกว่าช่วยบำบัดน้ำเน่าเสียแต่มีนักวิชาการออกมาบอกว่าช่วยให้น้ำเน่าขึ้น น้ำท่วมนับว่าเป็นปัญหามากทั้งยังมีผู้คนจำนวนมากอพยพออกจากบ้านมาอยู่ที่ศูนย์อพยพตามที่ศปภ.ได้จัดขึ้นแต่บางคนไม่สามารถออกมาได้เนื่องจาก อยากที่จะดูแลบ้าน ทรัพย์สินเพราะกลัวขโมยขึ้นบ้านแต่มีอยู่จำนวนไม่น้อยที่ถือโอกาสเดินทางกลับบ้านไปต่างจังหวัดหรือไปเที่ยวก็มี ขณะนี้นายกรัฐมนตรีและหม่อมหลวงสุขุมพันธุ์ได้เร่งจัดการไม่ให้น้ำท่วมเข้าถึงกรุงเทพฯชั้นใน ซึ่งได้กั้นถุงทรายขนาดใหญ่ที่เรียกว่า"บิ๊กแบ็ก"เพื่อชะลอน้ำเข้าสู่กรุงเทพฯและวางแผนที่จะสูบน้ำเพื่อผันออกไปทางฝั่งตะวันออก-ตกอุทกภัยครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาตร์ที่สำคัญครั้งหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นถึงน้ำใจของคนไทยที่ยังไม่หายไปและคอยช่วยเหลือกันตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมที่มีเกิดน้ำท่วมขึ้น ผู้คน ทหาร ตำรวจและองค์กรต่างๆได้บริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง เรือ สิ่งของที่จำเป็นต่างๆรวมทั้งน้ำใจ กำลังใจมากมายที่ส่งไปถึงผู้ประสบภัยน้ำท่วม ยังมีที่นำของไปบริจาคด้วยตนเองและยังมีคณะทหารที่นำรถทหารไปรับส่งผู้ประภัยให้เดินทางได้อย่างสะดวกซึ่งนับว่าเป็น"น้ำใจของคนไทยที่ยังไม่ทิ้งกันจริงๆ"
           

น้ำท่วมเป็นปัญหาหนึ่งแล้วแต่ก็ยังมีปัญหาอีกหลายอย่าง เช่น 
งู ตัวเงินตัวทองและเศษขยะใบไม้กองใหญ่ที่ทำให้เกิดน้ำเน่าเสีย

สำหรับแถวบ้านฉันน้ำยังไม่ท่วม แต่บริเวณสวนชัยปราการที่น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้เอ่อท่วมขึ้นมาสูงมากจนท่วมบ้านของคนที่อยู่ริมน้ำ ผู้คนได้เตรียมพร้อมทำที่กั้นหน้าบ้าน กักตุนอาหารแห้ง ขนม อาหารและของใช้ที่จำเป็นจนในเซเว่นขาดสินค้าบางชนิดไปและยังมีผู้คนที่นำรถมาจอดบนสะพานอีกด้วย


บันทึกข้อมูลข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ซึ่งรูปทั้งหมดได้ถ่ายวันที่ 7 พฤศจิกายน 2554 และ

ขอเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วยค่ะ!